top of page
Branding_100[Jun2023]-03.jpg

9 อาหารธรรมชาติ เพื่อรอยยิ้มสวยสุขภาพดี

แอดมินเชื่อว่าใครๆ ก็อยากมีรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สวยงามไว้เสริมสร้างเสน่ห์และความมั่นใจให้กับบุคลิกภาพของตนเองนะคะ นอกเหนือจากวิธีดูแลช่องปากด้วยการทำความสะอาดฟันเป็นประจำ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสภาพฟันทุก 6 เดือน เพื่อนๆ รู้หรือไม่คะว่า การเลือกทานอาหารก็มีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันได้เหมือนกัน บทความ ท็อปส์ พิกส์ครั้งนี้ แอดมินจะมาชวนให้รู้จักกับ “9 อาหารจากธรรมชาติเสริมสุขภาพฟัน” พร้อมสูตรของหวานเฮลท์ตี้แสนอร่อยที่เป็นมิตรต่อฟัน แถมยังทำง่ายสุดๆ ไปพบกับเรื่องน่ารู้คู่สุขภาพดีกันเลยค่ะ



แคร์รอต

มาเริ่มกันที่ผักสีส้มอย่าง “แคร์รอต” หลายคนอาจสงสัยว่าแคร์รอตมีประโยชน์ต่อฟันอย่างไร? เพราะหากดูเผินๆ แล้วแคร์รอตที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผักอุดมด้วยวิตามินเอเช่นนี้ ย่อมดีต่อสุขภาพดวงตามากกว่า อย่างไรก็ตาม แคร์รอตมีปริมาณใยอาหารสูงและเป็นพืชมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็ง แคร์รอตจึงมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสมดุลความเป็นกรด-ด่างภายในช่องปาก ป้องกันปัญหาฟันผุและปัญหาหินปูนได้อีกทางหนึ่งได้ค่ะ


หัวหอม

แม้ว่าหัวหอมจะเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุนและอาจนำมาสู่ปัญหากลิ่นปากหลังทานเสร็จ แต่การทานหัวหอมดิบมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพช่องปากได้ค่ะ เพราะในหัวหอมมีสารยับยั้งแบคทีเรียและสารต่อต้านการอักเสบจากธรรมชาติ จึงมีส่วนช่วยยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก หนึ่งในตัวการหลักของโรคฟันผุ การทานหัวหอมสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงใช้หัวหอมเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบทำเมนูต่างๆ เช่น สลัดหรือยำ เป็นต้นค่ะ


ปลาแซลมอน

พลพรรคคนรัก “ปลาสีส้ม” ต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอนค่ะ เพราะนอกจากความอร่อยสุดฟิน ปลาแซลมอนยังอุดมด้วยวิตามินดี (vitamin D) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดูดซึมของแคลเซียม ตลอดจนแร่ธาตุฟอสฟอรัสซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องเคลือบฟัน (tooth enamel) ให้แข็งแรง ผสานกับกรดไขมันโอเมก้า-3 (omega-3 fatty acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเหงือกให้แข็งแรง เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้เราหลงรักเจ้าปลาแซลมอนมากกว่าเคย


บรอกโคลี

ผักที่มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็งอย่าง บรอกโคลีและดอกกะหล่ำ เวลาทานมักจะใช้เวลาเคี้ยวนานขึ้น ซึ่งนำมาสู่การกระตุ้นให้ช่องปากผลิตน้ำลายที่รักษาความชุ่มชื้นและสมดุลความเป็นกรด-ด่าง นอกจากนั้นยังมีการค้นพบว่า ธาตุเหล็กและแคลเซียมธรรมชาติในผักชนิดนี้จะช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ


เห็ดหอม

เห็ดหอมหรือ “เห็ดชิทาเกะ” ประกอบด้วยสารแลนทิเนน (lentinen) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านแบคทีเรีย ตลอดจนคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ หนึ่งในตัวการสำคัญทำให้เกิดคราบพลัคซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาหินปูนและปัญหาช่องปากอื่นๆ ในอนาคตได้ หากเกิดการสะสมนาน รู้แบบนี้แล้วมาเริ่มทานเห็ดหอมกันเยอะๆ ดีกว่านะคะ


แอปเปิล

หลายคนอาจเคยได้ยินคำกล่าวว่า “แอปเปิลวันละผล พาคนห่างไกลหมอ” (An apple a day, Keeps the doctor away) มาก่อนนะคะ แอดมินขอบอกเลยค่ะว่าประโยชน์ของแอปเปิลมีมากมายจริงๆ แต่สำหรับด้านสุขภาพฟัน การทานแอปเปิลจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายในช่องปากซึ่งช่วยรักษาความเป็นกรดด่าง ขณะที่กรด “มาลิก” (malic acid) ในแอปเปิลมีส่วนช่วยลดคราบสะสมบนผิวฟัน และป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ฟันสะอาดและแข็งแรงมากขึ้นค่ะ


ชีส

ผลิตภัณฑ์ทำจากนมอย่าง “ชีส” ถือเป็นแหล่งรวมของคุณค่าทางโภชนาการมากมาย นอกจากโปรตีนและแคลเซียมซึ่งดีต่อสุขภาพกระดูและฟัน จากงานวิจัยของ Academy of General Dentistry (AGD) ในปี ค.ศ 2013 ยังเผยว่า แบคทีเรียบางชนิดในชีสมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคฟันผุและรักษาค่าความเป็นกรด-ด่างภายในช่องปากให้เกิดสมดุลค่ะ


สตรอว์เบอร์รี

ผลไม้ตระกูลเบอร์รีรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่หลายคนชื่นชอบอย่าง สตรอว์เบอร์รี มีกรดอินทรีย์ มาลิก (malic acid) ทำหน้าที่ช่วยลดคราบต่างๆ ที่ติดสะสมอยู่บนผิวฟัน อีกทั้งมีวิตามินซี ซึ่งช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน หรือโรค “ลักปิดลักเปิด” ด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจน (collagen) ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ รักษาแผลในช่องปากและบำรุงเหงือกให้แข็งแรงค่ะ


โยเกิร์ต

มาปิดท้ายที่โยเกิร์ตกันนะคะ สายเฮลทธ์ตี้คงได้ยินชื่อเสียงของโยเกิร์ตในฐานะอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมาบ้างแล้ว โดยมี “โพรไบโอติก” (probiotic) เชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่ส่งเสริมระบบการขับถ่ายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สำหรับสุขภาพฟัน โพรไบโอติกในโยเกิร์ตยังได้รับการพิสูจน์ว่ามีส่วนสร้างสมดุลความเป็นกรด-ด่างภายในช่องปาก และยับยั้งการเกิดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุและกลิ่นปากได้อีกด้วย


เห็นไหมคะว่าการดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันสามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาด การตรวจเช็คสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และการเลือกทานอาหารดีมีประโยชน์ ซึ่งหากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอแล้ว มั่นใจได้เลยค่ะว่ารอยยิ้มสวยสดใสมีสุขภาพดีจะอยู่คู่เราไปอีกนานเท่านาน

อย่างที่แอดมินได้แอบสปอยล์ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นบทความแล้วนะคะว่าจะมาแจกสูตรทำของหวานที่เป็นมิตรต่อฟัน แถมยังมีรสชาติอร่อยชื่นใจสุดๆ เมนูนั้นก็คือ…! “โฟรเซนโยเกิร์ต” นั่นเองค่ะ เห็นหน้าตาและชื่อดูเก๋ไก๋ขนาดนี้ วิธีการทำง่ายแสนง่ายมากๆ ตามแอดมินเข้าครัวมาทำพร้อมกันเลยค่า


วัตถุดิบ


1. โยเกิร์ตสไตล์กรีกรสธรรมชาติ 1 ½ ถ้วย / 1 ½ cup of Plain Greek yogurt

2. มายช้อยส์น้ำผึ้งดอกลำใย 2 ช้อนโต๊ะ / 2 tbsp of My Choice Longan Honey

3. กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา / 1 tsp of Vanilla Extract

4. สตรอว์เบอร์รีสดหั่นบาง ½ ถ้วย / ½ cup of Fresh Sliced Strawberries

5. บลูเบอร์รีสด ½ ถ้วย / ½ cup of Fresh Blueberries

6. เกล็ดมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ / 2 tbsp of Unsweetened Coconut Flakes




วิธีการทำ


1. นำโยเกิร์ตสไตล์กรีก น้ำผึ้งดอกลำใยและกลิ่นวนิลลาเข้มข้นใส่ในชาม จากนั้นคนให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน


2.เทส่วนผสมโยเกิร์ตลงบนกระดาษอบที่ปูในถาด เกลี่ยโยเกิร์ตให้ทั่ว โดยมีขนาดความหนาประมาณ ¼ นิ้ว

3. วางสตรอว์เบอร์รีหั่นบาง บลูเบอร์รี เกล็ดมะพร้าวบนโยเกิร์ต จากนั้นนำโยเกิร์ตที่ผสมในถาดไปแช่ในช่องฟรีซ

ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือจนกว่าโยเกิร์ตแข็งตัว


4.ตัดแบ่งโฟรเซนโยเกิร์ตเป็นชิ้นๆ พร้อมเสิร์ฟ


เมนูโฟรเซนโยเกิร์ตที่แอดมินนำเสนอครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจากวัตถุดิบอย่างโยเกิร์ตสไตล์กรีก ซึ่งมีโพรไบโอติก จุลินทรีย์ช่วยส่งเสริมสุขภาพฟันให้แข็งแรง สตรอว์เบอร์รีที่มีกรดมาลิกช่วยลดการสะสมของคราบพลัค ขณะที่น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติและมีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียด้วย บอกเลยค่ะว่าทั้งอร่อยและมีประโยชน์เหมาะกับทำทานเป็นของว่างหรือของหวานทานเพลินมากๆ หากกำลังมองหาวัตถุดิบคุณภาพทำเมนู “โฟรเซนโยเกิร์ต” อยู่ แอดมินได้มัดรวมทุกอย่างมาให้ถึงที่แล้วค่ะ ช็อปง่ายสุดสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชัน TOPS สั่งด่วน ส่งไวมั่นใจได้ที่ท็อปส์ คลิกเลย!


Comments


Branding_100[Jun2023]-02.jpg
shop anywhere.jpg
bottom of page